‘จีน-สหรัฐ’ หารือนัดแรกที่เจนีวา 10-11 พ.ค. 68 เบสเซนต์ย้ำ เร่งลดความตึงเครียด ไม่คิดแยกการค้า
ผู้แทนสหรัฐอเมริกาหมายรวมไปถึงจีนตกลงที่จะพบปะหารือกันเป็นครั้งแรก หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐภายใต้การนำของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ประกาศขึ้นภาษีต่างตอบแทนเมื่อวันที่ 2 เมษายน ซึ่งทำให้ความตึงเครียดทางการค้าระหว่างสองชาติที่มีเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลกทวีความรุนแรงขึ้น โดยเฉพาะการที่จีนไม่ยอมถูกสหรัฐบีบ แต่ดำเนินมาตรการตอบโต้แบบตาต่อตาฟันต่อฟัน
ล่าสุดมีรายงานว่านายสก็อตต์ เบสเซนต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังสหรัฐ ร่วมด้วยเจมีสัน เกรียร์ ผู้แทนการค้าสหรัฐ มีกำหนดจะหารือกับผู้นำเศรษฐกิจระดับสูงของจีน ในวันที่ 10-11 พฤษภาคมนี้ ที่นครเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งถูกจับตามองในฐานะก้าวแรกที่จะคลี่คลายสงครามการค้าซึ่งส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจโลกเป็นวงกว้าง
เบสเซนต์ให้สัมภาษณ์กับรายการ “The Ingraham Angle” ของ Fox News ในวันที่ 6 พฤษภาคม 2568 ก่อนการประชุมกับเจ้าหน้าที่จีนว่า สหรัฐรวมไปถึงจีนต้องลดความตึงเครียดลงก่อนที่จะเดินหน้าเจรจาการค้าได้
“ความรู้สึกของผมคือเรื่องนี้จะเป็นเรื่องของการลดความตึงเครียด ไม่ใช่ข้อตกลงการค้าครั้งใหญ่ แต่เราต้องลดความตึงเครียดลงก่อนที่จะเดินหน้าต่อไปได้” เบสเซนต์กล่าว
รัฐมนตรีคลังสหรัฐย้ำว่า รัฐบาลทรัมป์ไม่ต้องการแยกตัวทางการค้ากับจีนในด้านสิ่งทอประกอบไปด้วยสินค้าอื่นๆ แต่ตั้งใจที่จะนำการผลิตอุตสาหกรรมเชิงยุทธศาสตร์ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยา บวกกับเหล็กกล้ากลับคืนสู่สหรัฐ
ขณะที่สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐและก็กระทรวงการคลังระบุว่า เกรียร์รวมทั้งเบสเซนต์จะเดินทางไปเจนีวาด้วยกันในวันพฤหัสบดี รวมถึงจะพบกับ คารีน เคลเลอร์-ซัทเทอร์ ประธานาธิบดีสวิตเซอร์แลนด์ เพื่อหารือเกี่ยวกับการเจรจาการค้าต่างตอบแทน
อย่างไรก็ดี หน่วยงานต่างๆ ไม่ได้ระบุชื่อเจ้าหน้าที่ที่จะเข้าร่วมการประชุมจากฝ่ายจีน โดยระบุว่ามีเพียงเจ้าหน้าที่ระดับสูงทั้งสองเท่านั้นที่จะหารือกับ “ผู้แทนระดับสูงด้านเศรษฐกิจ” ของจีน
ทั้งนี้ มีการคาดการณ์ว่า นายเหอ หลี่เฟิง รองนายกรัฐมนตรีจีน ที่ถูกมองว่าเป็นผู้มีบทบาทสำคัญด้านเศรษฐกิจร่วมกับหัวหน้าคณะเจรจาการค้าของจีน น่าจะเป็นหัวหน้าคณะฝ่ายจีนในการเจรจาดังกล่าว
ด้านโฆษกกระทรวงพาณิชย์ของจีนยืนยันผ่านแถลงการณ์ในเวลาต่อมาว่า จีนตกลงที่จะเจรจากับสหรัฐอีกครั้ง โดยพิจารณาจากความคาดหวังของโลก ผลประโยชน์ของจีน ร่วมกับความต้องการของอุตสาหกรรมบวกกับผู้บริโภคของสหรัฐ จีนจึงตัดสินใจที่จะกลับมาเจรจากับสหรัฐอีกครั้ง
“มีสุภาษิตเก่าแก่ของจีนที่ว่า จงฟังสิ่งที่พูด ร่วมกับเฝ้าดูการกระทำ หากสหรัฐพูดอย่างหนึ่งแต่กลับทำอีกอย่างหนึ่ง หรือพยายามใช้การเจรจาเป็นข้ออ้างในการกดดันบวกกับข่มขู่ต่อไป จีนจะไม่มีวันยอมรับ” แถลงการณ์ดังกล่าวระบุ
อย่างไรก็ดี ทรัมป์ประกอบไปด้วยทีมงานการค้าของเขาส่งสัญญาณที่ไม่ชัดเจนเกี่ยวกับความคืบหน้าในการเจรจากับประเทศคู่ค้าอื่นๆ ที่กำลังเร่งทำข้อตกลงเพื่อหลีกเลี่ยงการเก็บภาษีนำเข้าครั้งใหญ่จากสหรัฐ
เบสเซนต์กล่าวต่อสมาชิกสภาคองเกรสก่อนหน้านี้ว่า รัฐบาลทรัมป์กำลังเจรจากับประเทศคู่ค้าสำคัญ 17 ประเทศ แต่อยู่ในขั้นตอนเริ่มต้นเท่านั้นกับจีน บวกกับอาจมีการประกาศข้อตกลงกับบางประเทศภายในสัปดาห์นี้
ทรัมป์ยังระบุว่า เขาและก็เจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลจะทบทวนข้อตกลงทางการค้าที่อาจเกิดขึ้นภายในสองสัปดาห์ข้างหน้า เพื่อตัดสินใจว่าจะรับข้อตกลงใดบ้าง
แถลงการณ์จากหน่วยงานของรัฐบาลสหรัฐไม่ได้ระบุว่า การประชุมกับเจ้าหน้าที่จีนครั้งนี้เป็นการเริ่มต้นการเจรจาอย่างเป็นทางการระหว่างสองประเทศ โดยสหรัฐรวมทั้งจีนยังคงอยู่ในสภาพเหมือนเล่นเกมแมวจับหนูในเรื่องของภาษีศุลกากร โดยที่ทั้งสองฝ่ายไม่ต้องการถูกมองว่าเป็นฝ่ายยอมถอยในสงครามการค้าที่ส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลกและโซ่อุปทานที่ดำเนินอยู่ในขณะนี้
เนื้อหาเรียบเรียงใหม่จากต้นฉบับข่าวทาง มติชนออนไลน์ อย่าพลาดเรื่องราวดี ๆ จากที่นี่ ที่เดียว iKSSN Vector ยันต์ จำหน่าย รูปภาพยันต์ งาน Vector งานออกแบบสำหรับกราฟิก